Subscribe For Free Updates!

We'll not spam mate! We promise.

Saturday, September 16, 2017

สูตรมาม่าไข่ตุ๋นปลากระป๋องสำหรับเด็กหอ

มาม่าไข่ตุ๋นปลากระป๋องไมโครเวฟ อิ่มคุ้ม อร่อยครบ ในราคาเบา ๆ
          สูตรจาก คุณ Rita_Bunny สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม 

        
 
ส่วนผสม มาม่าไข่ตุ๋นปลากระป๋อง

     • บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป (รสหมูสับ ขนาดจัมโบ้) 1 ซอง
     • ปลาแมคเคอเรลในซอสมะเขือเทศ (หรือปลาซาร์ดีน) 1 กระป๋อง
     • ไข่ไก่ 3 ฟอง
     • น้ำ 2 ถ้วย
     • ถั่วลันเตา
     • แครอท
     • ข้าวโพด
     • มะเขือเทศ
     • ผักชี
     • ข้าวสวย
 
วิธีทำ มาม่าไข่ตุ๋นปลากระป๋อง

มาม่าไข่ตุ๋นปลากระป๋องไมโครเวฟ อิ่มคุ้ม อร่อยครบ ในราคาเบา ๆ

          1. ขยำเส้นมาม่าแล้วใส่เครื่องปรุงลงไป (ใครกินเผ็ดสามารถใส่ซองพริกลงไปด้วยได้)
          2. ใส่ปลากระป๋องลงไปแล้วใช้ส้อมบี้ให้แหลก
          3. ใส่ไข่ไก่ลงไป
          4. เติมน้ำเปล่าลงไป
          5. ใส่ถั่วลันเตา แครอท และข้าวโพดลงไปแล้วคนให้เข้ากัน (คนเบา ๆ) ปิดฝานำเข้าไมโครเวฟ ใช้ไฟแรง 300 วัตต์ ประมาณ 15 นาที
          6. นำออกจากไมโครเวฟตกแต่งด้วยมะเขือเทศและผักชี จัดเสิร์ฟกับข้าวสวย
 
          เด็กหอ หรือมนุษย์คอนโด สนใจทำมาม่าไข่ตุ๋นปลากระป๋องไมโครเวฟเป็นอาหารเย็นนี้กันแล้วใช่ไหมคะ มื้อนี้คุณค่าสารอาหารครบ 5 หมู่ ในราคาเบา ๆ กินกับข้าวสวย หรือถ้าใครอยากกินเพียว ๆ ไปเลยก็ไม่ขัดข้องนะคะ
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก ทำอาหารในแบบง่ายๆ ตามสไตล์ Rita

Saturday, May 9, 2015

วิธีทำหมูมะนาว เปรี้ยวแซบ เมนูกับแกล้ม



         ถ้าได้ไปนั่งสังสรรค์กับเพื่อน ๆ ทีไรเมนูหมูมะนาวแซบ ๆ ก็ต้องถูกสั่งมาเป็นกับแกล้มอยู่บ่อย ๆ ความอร่อยก็อยู่ที่เนื้อหมูลวกนุ่ม ๆ ราดด้วยน้ำจิ้มรสแซบและก้านคะน้ากรอบ ๆ แหม นึกภาพตามแล้วก็น้ำลายจะหกให้ได้ทีเดียวเชียว คงรอช้าไม่ได้แล้วใช่ไหมล่ะคะ ลงมือทำหมูมะนาวเลยดีกว่า
สิ่งที่ต้องเตรียม

  1.          เนื้อหมู หั่นเป็นชิ้นบาง ๆ ตามยาว 200-300 กรัม
  2.          กระเทียมสับละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ
  3.          พริกขี้หนูซอยละเอียด ปริมาณตามชอบ
  4.          น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
  5.          น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
  6.          น้ำมะนาว 4-5 ช้อนโต๊ะ
  7.          ก้านคะน้า สำหรับรับประทานคู่
  8.          กระเทียมฝานเป็นแว่นบาง สำหรับโรยหน้า
  9.          ใบสะระแหน่ สำหรับโรยหน้า
  10.          พริกแห้งทอดกรอบ สำหรับโรยหน้า

วิธีทำ

          1. ใส่น้ำลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟจนเดือด ใส่เนื้อหมูลงลวกพอสุก (ประมาณ 30 วินาที อย่าลวกนาน เพราะเนื้อหมูจะแข็ง) ตักขึ้นสะเด็ดน้ำ จัดใส่จานที่รองด้วยก้านคะน้า เตรียมไว้

          2. ผสมกระเทียม พริกขี้หนู น้ำตาลทราย น้ำปลา และน้ำมะนาวเข้าด้วยกันจนน้ำตาลทรายละลาย ชิมรสตามชอบ ราดลงบนหมูที่เตรียมไว้ โรยด้วยกระเทียมฝาน ใบสะระแหน่ และพริกแห้งทอดกรอบ พร้อมรับประทาน

          ครชอบรสชาติไหนก็ปรับสูตรกันได้ตามใจชอบเลยนะคะ

Friday, May 8, 2015

วิธีทำน้ำพริกลงเรือ อาหารไทยตำรับชาววัง



            ถ้า ใครเคยอ่าน หรือผ่านตาเรื่องเล่าเกี่ยวกับตำนานอาหารไทย แน่นอนว่าเกือบจะทุกตำราก็มักจะกล่าวถึงน้ำพริกลงเรือตำรับชาววังอยู่เสมอ เพราะน้ำพริกถ้วยนี้ถือกำเนิดมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 โน่นแน่ะ และเป็นที่นิยมมาจวบจนทุกวันนี้ ด้วยเสน่ห์ของรสชาติหวาน เผ็ดเค็ม มันทำให้ใครก็ตามได้ชิมก็ต้องหลงไหล แถมเครื่องเคียงก็มีมากมายทั้งผักสด และแน่นอนว่าต้องกินคู่กับหมูหวาน ปลาดุกฟู และไข่เค็ม ถึงจะอร่อยสุด ๆ อย่างนั้นก็ไปดูวิธีการทำน้ำพริกถ้วยเก่าถ้วยนี้กันดีกว่า


สิ่งที่ต้องเตรียม


  1.           กระเทียม 1 ช้อนโต๊ะ
  2.           กะปิ (เผาจนหอม) 1 ช้อนโต๊ะ
  3.           น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ
  4.           เนื้อมะดันซอยบาง 2 ลูก
  5.           เนื้อมะอึกหั่นบาง 2 ลูก
  6.           พริกขี้หนูสวน 10-20 เม็ด
  7.           น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
  8.           น้ำมันพืชสำหรับผัด
  9.           หมูหวาน สำหรับรับประทานคู่
  10.           กุ้งแห้งโขลกละเอียด 3 ช้อนโต๊ะ
  11.           ปลาดุกฟู  สำหรับรับประทานคู่
  12.           ไข่เค็มต้ม (หรือไข่ต้ม) สำหรับรับประทานคู่
  13.           ผักสดตามชอบ สำหรับรับประทานคู่


วิธีทำ

            1. โขลกกระเทียมกับกะปิ และน้ำตาลปี๊บจนละเอียดเข้ากันดี ใส่เนื้อมะดัน เนื้อมะอึก และพริกขี้หนู โขลกผสมจนเข้ากันอีกครั้ง ปรุงรสด้วยน้ำมะนาว คนผสมให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ เตรียมไว้

            2. ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะ นำขึ้นตั้งไฟปานกลางพอร้อน ใส่เครื่องที่โขลกไว้ลงผัดจนหอม ใส่หมูหวาน และกุ้งแห้งลงผัดจนเข้ากัน ตักใส่ถ้วย รับประทานคู่กับหมูหวาน ปลาดุกฟูกรอบ และไข่เค็ม




สิ่งที่ต้องเตรียม (สำหรับหมูหวาน)

  1.           หอมแดงสับละเอียด 2 หัว
  2.           น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ
  3.           น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
  4.           เนื้อหมูสามชั้นหั่นชิ้นเล็ก 200 กรัม
  5.           น้ำมันพืชสำหรับผัด


วิธีทำ
           1. ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะ นำขึ้นตั้งไฟปานกลางพอร้อน ใส่หอมแดงลงเจียวจนหอม ใส่น้ำตาลปี๊บ และน้ำปลาลงคนผสมให้เข้ากัน ใส่เนื้อหมูลงผัดจนสุก และเนื้อหมูเงาสวย ชิมรสตามชอบ แบ่งเป็น 2 ส่วน เตรียมไว้


  สิ่งที่ต้องเตรียม (สำหรับปลาดุกฟู)

  1.            ปลาดุกย่าง 1 ตัว
  2.            น้ำมันพืชสำหรับทอด


วิธีทำ

           1. แกะเนื้อปลาดุกออก เอาเฉพาะเนื้อ จากนั้นใช้ส้อมยีให้ละเอียด เตรียมไว้

           2. ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะ นำขึ้นตั้งไฟปานกลางพอร้อน ใส่เนื้อปลาดุกลงทอดจนฟูเหลืองรอบ ตักขึ้นสะเด็ดน้ำมัน เตรียมไว้รับประทานคู่กับน้ำพริกลงเรือ

            อาจ จะมีหลากหลายขั้นตอนในการทำน้ำพริกลงเรือ แต่ถ้าได้ลองทำกินแล้วรับรองว่าจะติดใจ และใครมีน้ำพริกลงเรือเหลือ ๆ ก็นำไปผัดกับข้าวกินก็อร่อยไปอีกแบบนะคะ

Thursday, May 7, 2015

วิธีทำยำแหนมข้าวทอด เปรี้ยวเผ็ดรสเด็ด





          ยำแหนมกับข้าวทอดก็เป็นอาหารไทยอีกอย่างที่คนนิยมกิน กับรสที่เด็ดจัดจ้าน อร่อยไปกับข้าวที่นำไปคลุกกับน้ำพริกแกงเผ็ด เอามาทอดแล้วยำรวมกับแหนมเปรี้ยว ๆ หนังหมูเหนียว ๆ ปรุงรสให้แซบ และที่สำคัญต้องกินคู่กับใบชะพลู อยากกินเลย อย่างนั้นก็ไปดูสูตรและวิธีทำกันเลยดีกว่าจ้า

สิ่งที่ต้องเตรียม


  1.           ข้าวทอด 2 ก้อน
  2.           แหนมสด 200 กรัม
  3.           หนังหมูต้มสุก 200 กรัม
  4.           หอมแขกซอย 1 ลูก
  5.           ขิงอ่อนซอย
  6.           ผักชีฝรั่งซอย
  7.            พริกป่น น้ำปลา น้ำมะนาว และน้ำตาลทราย สำหรับปรุงรส
  8.           ถั่วลิสงคั่ว
  9.           ใบชะพลู ผักกาดหอม และผักชีฝรั่งสำหรับรับประทานคู่



วิธีทำ

          1. ใส่ข้าวทอดลงในอ่างผสม ใช้ทัพพียีพอหยาบ ๆ

          2. ใส่แหนมสด ยีพอหยาบ ๆ ตามด้วยหนังหมู หอมแขกซอย ขิงอ่อนซอย และผักชีฝรั่งซอย

          3. ปรุงรสด้วยพริกป่น น้ำปลา น้ำมะนาว และน้ำตาลทราย เคล้าผสมให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ ใส่ถั่วลิสงคั่ว เคล้าผสมให้เข้ากันอีกครั้ง ตักใส่จาน พร้อมรับประทานคู่กับผักสด



สิ่งที่ต้องเตรียม (สำหรับข้าวทอด)

          ข้าวหุงสุก 2 ถ้วย

          น้ำพริกแกงเผ็ด 1 ช้อนโต๊ะ

          เกลือป่น 1 ช้อนชา

          แป้งประกอบอาหาร

          น้ำมันพืชสำหรับทอด


วิธีทำ

         1. ใส่ข้าวลงในอ่างผสม ใส่น้ำพริกแกงเผ็ด และเกลือป่นลงเคล้าผสมให้เข้ากัน จากนั้นนำไปโขลกจนเหนียว ปั้นเป็นก้อนกลม ๆ กดให้แน่น ๆ เตรียมไว้

         2. ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะ นำขึ้นตั้งไฟปานกลางจนร้อน ใส่ข้าวที่ปั้นไว้ลงทอดจนเหลืองกรอยทั่วทั้งก้อน ตักขึ้นสะเด็ดน้ำมันเตรียมไว้

Wednesday, May 6, 2015

วิธีทำเต้าเจี้ยวหลน



           อาหารไทยจำพวกเครื่องจิ้ม หรือน้ำพริกก็เป็นอาหารอีกอย่างที่มีเสน่ห์เอามาก ๆ เรามักจะเห็นเครื่องจิ้มอยู่คู่กับสำรับกับข้าวคนไทยมาช้านาน กินคู่กับผักสดและเครื่องเคราต่าง ๆ อร่อยอย่าบอกใคร และยังมีเครื่องจิ้มอีกหนึ่งอย่างที่หลาย ๆ คนชอบกินนั่นก็คือ เต้าเจี้ยวหลนกลิ่นหอม ๆ วันนี้เราเลยมีสูตรเต้าเจี้ยวหลนสูตรโบราณจาก คุณเนรัญชลา สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม มาฝาก เป็นสูตรโบราณที่ต้องลิ้มลอง ลงมือกันเลย





สิ่งที่ต้องเตรียม



  1.          เต้าเจี้ยวขาว 300 กรัม
  2.          หมูสับ 200 กรัม
  3.          กุ้งสับ 100 กรัม
  4.          หัวหอมแดง 250 กรัม
  5.          พริกชี้ฟ้าเขียว-แดง 120 กรัม
  6.          หัวกะทิ 1 ถ้วยตวง
  7.          หางกะทิ 3 ถ้วยตวง
  8.          ไข่ไก่หรือไข่เป็ด 1 ฟอง
  9.          น้ำตาลปี๊บ
  10.          มะขามเปียก
  11.          เกลือป่น

วิธีทำ





          นำเต้าเจี้ยวไปล้างน้ำทำความสะอาด 2 ครั้ง เสร็จแล้วกรองด้วยกระชอนให้สะเด็ดน้ำ จากนั้นจึงนำไปโขลกจนละเอียด





          ปอกเปลือกหอมแดงแล้วล้างให้สะอาด จากนั้นจึงซอยหยาบ ๆ

          ส่วนพริกชี้ฟ้าล้างน้ำแล้วหั่นให้เป็นท่อน





          คั้นน้ำมะขามเปียกให้ข้น ๆ กรองด้วยกระชอน พักไว้





          นำหางกะทิใส่หม้อ นำขึ้นตั้งไฟ พอเดือดจึงเอาเต้าเจี้ยวโขลกลงละลาย





          พอเดือดจึงใส่หมูสับและกุ้งสับลงไป





          ตามด้วยพริกชี้ฟ้าหั่นท่อน และหอมแดงซอย


          ปรุงรสด้วยน้ำมะขามเปียก น้ำตาลปี๊บ และเกลือป่น ชิมรสให้ออกเค็มหวานพอดี มีรสเปรี้ยวตัดเล็กน้อย (บางสูตรอาจจะไม่ใส่ส้มมะขาม)



          ตีไข่ไก่พอแตก แล้วเทลงไปในหม้อ คนเร็ว ๆ พอเดือด จากนั้นจึงใส่หัวกะทิส่วนที่เหลือลงไป รอเดือดอีกครั้งก็ใช้ได้

          แค่นี้ก็ได้เต้าเจี้ยวหลนสูตรโบราณไว้กินแล้ว แหม เห็นแล้วหิวเลย

Tuesday, May 5, 2015

วิธีทำปลากะพงนึ่งซีอิ๊ว หอมซีอิ๊วเนื้อปลานุ่มอร่อย



          อาหาร ไทยจานเด็ดที่เรานำมาฝากนี้เป็นเมนูประเภทปลานึ่ง ถ้าพูดถึงปลานึ่งหลาย ๆ คนน่าจะนึกถึงปลานึ่งซีอิ๊วสุดอร่อย วันนี้เราขอเสนอเป็นปลากะพงนึ่งซีอิ๊ว เพราะเนื้อปลากะพงไม่เหม็นคาว เนื้อไม่เละ เวลากินจะได้อร่อยสุด ๆ กินร้อน ๆ กับข้าวสวยสักจาน อื้อหือ ฟิน อย่างนั้นเราไปดูวิธีทำกันเลยค่ะ
สิ่งที่ต้องเตรียม

  1.           ปลากะพง (น้ำหนักประมาณ 700-800 กรัม) จำนวน 1 ตัว
  2.           ซีอิ๊วขาว 3 ช้อนโต๊ะ
  3.           น้ำมันงา 1 ช้อนโต๊ะ
  4.           น้ำตาลทรายแดง 1 ช้อนชา
  5.           เหล้าจีน 1 ช้อนโต๊ะ
  6.           น้ำร้อน 3 ช้อนโต๊ะ
  7.           เห็ดหอมสด หั่นเป็นชิ้นบาง 100 กรัม
  8.           ขิงซอย 2 ช้อนโต๊ะ
  9.           พริกชี้ฟ้าแดงซอยตามยาว 2 เม็ด
  10.           โคนต้นหอมซอยตามยาว 2 ต้น
  11.           ผักชี สำหรับโรยหน้า

วิธีทำ

          1. ล้างทำความสะอาดปลากะพง ขอดเกล็ด ควักไส้ออก ล้างให้สะอาด จากนั้นบั้งเนื้อปลาทั้งสองด้าน วางลงในภาชนะสำหรับนึ่ง เตรียมไว้

          2. คนผสมซีอิ๊วขาว น้ำมันงา เหล้าจีน น้ำตาลทรายแดง และน้ำร้อนเข้าด้วยกัน ตักราดลงบนตัวปลา วางเห็ดหอมสด ขิงซอย และพริกชี้ฟ้าแดงด้านบนตัวปลา ให้ทั่ว นำใส่ลงในชุดนึ่งที่มีน้ำเดือด นึ่งใช้ไฟแรง นานประมาณ 30 นาที ยกออกจากชุดนึ่ง โรยหน้าด้วยต้นหอมซอย และผักชี พร้อมรับประทาน

          ใครที่ไม่ชอบปลากะพงอยากจะเปลี่ยนเป็นปลาชนิดอื่นก็สามารถใช้ได้นะคะ อย่างปลาเก๋า ปลาทับทิม หรือปลาแดง รับรองอร่อยเหมือนกัน

Monday, May 4, 2015

วิธีทำเมี่ยงเต้าหู้ทรงเครื่องกุ้งจี่



Mom Menu (Mother&Care)
ภาพ : ฐานทอง/Stylist : อุษา



เมี่ยงเต้าหู้ทรงเครื่อง

 ส่วนผสม

  1.          เต้าหู้แผ่น 1 แผ่น
  2.          มะนาว (หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ)
  3.          หัวหอม
  4.          ขิงอ่อน
  5.          ตะไคร้ซอย
  6.          พริกขี้หนูซอย
  7.          น้ำปลา, มะนาว, น้ำตาลทราย
  8.          ผักกาดหอม, ผักกาดแก้ว, ผักกาดขาว, ใบชะพลู ฯลฯ

วิธีทำ

         1. หั่นเต้าหู้เป็นชิ้นเล็ก ๆ พอดีคำ นำไปทอดจนสุกเหลือง ตักขึ้นพักไว้

         2. หั่นมะนาว หัวหอม ขิงอ่อน เป็นชิ้นเล็ก ๆ

         3. ผสมน้ำยำ โดยใส่น้ำปลา มะนาว และน้ำตาลทรายคนให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ จากนั้นจึงใส่เต้าหู้ มะนาว หัวหอม ขิงอ่อน ตะไคร้ซอย และพริกขี้หนูซอย เคล้าส่วนผสมให้เข้ากันอีกครั้ง

         4. ตักเต้าหู้ทรงเครื่องที่ปรุงรสแล้ว วางบนใบผักกาดหอม, ผักกาดแก้ว, ผักกาดขาว หรือใบชะพลู ห่อกินเป็นคำ ๆ



กุ้งจี่ มะดันจี๊ด

 ส่วนผสม

  1.          กุ้ง 10-12 ตัว
  2.          กระเทียมกลีบเล็ก 7-10 กลีบ
  3.          พริกไทย 5-7 เม็ด
  4.          รากผักชี (หั่นหยาบ) 1-2 ราก
  5.          เกลือป่น, เนยจืด, ผักสดแช่เย็นตามชอบ
  6.          แตงกวา, มะเขือเทศ, แครอท, ก้านคะน้า ฯลฯ)
  7.          น้ำปลา, มะนาว, น้ำตาลทราย

วิธีทำ

         1. แกะเปลือกกุ้งพร้อมเด็ดหางทิ้ง ผ่าหลังดึงเส้นสีดำออก ล้างให้สะอาด พักไว้

         2. โขลกกระเทียม พริกไทย รากผักชีให้ละเอียด จากนั้นนำไปหมักกับกุ้ง ปรุงรสด้วยเกลือป่นเล็กน้อย

         3. ตั้งกระทะ ใส่เนยจืดลงไปพอละลายและกระทะร้อนได้ที่ จึงนำกุ้งไปวางจี่ในกระทะ กลับไปมาจนสุก จึงนำมาจัดใส่จาน

         4. ผสมน้ำปลา มะนาว (ใส่เล็กน้อยเพราะได้ความเปรี้ยวจากมะดันช่วยแล้ว) น้ำตาลทราย คนจนส่วนผสมเข้ากัน ชิมรสตามชอบ แล้วจึงใส่มะดัน พริกขี้หนู และหัวหอมแดง เคล้าส่วนผสมจนเข้ากัน ตักใส่ถ้วย วางเคียงกับกุ้งและผักสดแช่เย็น

Sunday, May 3, 2015

วิธีทำข้าวซอยไก่ อาหารเหนือสุดอร่อย



          อาหารไทยทางภาคเหนือที่ถือเป็นเมนูยอดนิยมอีกหนึ่งอย่าง นอกเหนือไปจากน้ำพริกหนุ่มกับแคปหมู หรือขนมจีนน้ำเงี้ยวแล้วก็ต้องนี่เลย ข้าวซอยไก่ ที่เวลาไปเที่ยวเหนือกี่ครั้งก็ต้องสั่งมากิน ว่าแต่ถ้าจะลองทำกินเองจะยุ่งยากหรือไม่ ลองไปดูสูตรและวิธีทำที่เรานำมาฝากจาก คุณเนินน้ำ กันเลยดีกว่า รับรองว่าง่ายนิดเดียวจ้า

สิ่งที่ต้องเตรียม (สำหรับเครื่องแกง)

  1.           พริกแห้งเม็ดใหญ่คั่ว 7 เม็ด
  2.           เกลือป่น 1 ช้อนชา
  3.           รากผักชีคั่ว 1 ช้อนโต๊ะ
  4.           ขิงซอยคั่ว 1/4 ถ้วย
  5.           หอมแดงคั่ว 3/4 ถ้วย
  6.           ขมิ้นซอยคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
  7.           ชะโกแกะเปลือกใช้เมล็ดคั่วให้หอมแล้วป่น 1 เม็ด

สิ่งที่ต้องเตรียม (สำหรับข้าวซอย)

  1.           น่องไก่ 3-4 น่อง
  2.           หางกะทิ 3 ถ้วย
  3.           เกลือป่น 1/2 ช้อนโต๊ะ + 1 ช้อนชา
  4.           หัวกะทิ 1 ถ้วย
  5.           ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ + 1/2 ช้อนโต๊ะ
  6.           ซีอิ๊วดำ 1/2 ช้อนชา
  7.           น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
  8.           น้ำมันพืชสำหรับทอด
  9.           บะหมี่เหลือง 5 ก้อน (สำหรับทอด 1 ก้อน)
  10.           เครื่องเคียง ได้แก่  ผักกาดดองซอย มะนาวหั่นเป็นชิ้น พริกป่นผัดน้ำมัน หอมแดงหั่นชิ้น และผักชีสำหรับตกแต่ง

วิธีทำ



          ล้างไก่ให้สะอาด พักทิ้งไว้ในกระชอนให้สะเด็ดน้ำ
  


          ทำ น้ำพริกแกง โดยโขลกพริกแห้งกับเกลือเข้าด้วยกันให้ละเอียด จากนั้นใส่รากผักชี ขิงซอย ขมิ้นซอย และหอมแดง โขลกรวมกันจนละเอียดเข้ากันดี ใส่ชะโก โขลกต่อจนเข้ากัน ตักใส่ถ้วยพักไว้ (แต่สูตรนี้เราใช้พริกแกงสำเร็จรูปนะคะ)



          ใส่ หางกะทิลงในหม้อ ใส่เกลือ 1/2 ช้อนโต๊ะ ยกขึ้นตั้งไฟกลางจนร้อน จึงใส่ไก่ พอกะทิเดือดลดเป็นไฟอ่อน เคี่ยวให้ไก่สุกนุ่ม และกะทิแตกมันเล็กน้อย เตรียมไว้



          นำกระทะขึ้นตั้งไฟปานกลาง ใส่หัวกะทิ 1/2 ถ้วย ผัดเคี่ยวให้แตกมันเล็กน้อย ใส่น้ำพริกแกงลงผัดให้เข้ากันทั่วและมีกลิ่นหอม 





          จากนั้นตักใส่ในหม้อไก่ที่เคี่ยวไว้ แล้วคนผสมให้เข้ากัน 


          ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว ซีอี๊วดำ น้ำตาล ใส่หัวกะทิที่เหลือ คนผสมพอทั่ว พอเดือดอีกครั้งปิดไฟ ยกลงจากเตา เตรียมไว้

         
          ใส่ น้ำมันลงในกระทะ นำขึ้นตั้งไฟปานกลางจนร้อน แบ่งบะหมี่ลงทอดทีละน้อยให้กรอบเหลือง (ประมาณ 1 ก้อน) จากนั้นตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน พักไว้ให้เย็น เก็บใส่ภาชนะปิดฝาให้สนิท





          วิธี จัดเสิร์ฟ ให้ลวกบะหมี่ใส่ชาม ตักน่องไก่พร้อมน้ำแกงราดประมาณ 1 ถ้วย โรยหน้าด้วยบะหมี่ทอดกรอบ วางเครื่องเคียง ตกแต่งด้วยใบผักชี พร้อมเสิร์ฟค่ะ (บะหมี่เส้นแบนเราได้มาไม่เหนียวถูกใจเลยขอเลือกบะหมี่เส้นเล็กแทนค่ะ)


          ถ้าลองได้มีขั้นตอนการทำชัดเจนขนาดนี้ จะทำข้าวซอยไก่แบบเหนือกินเองก็ไม่ใช่เรื่องยากแล้วล่ะค่ะ

Saturday, May 2, 2015

วิธีทำหมูผัดพริกขิง


 
          อาหารไทยวันนี้ที่เรานำมาฝาก ขอเอาใจคนชอบกินอาหารรสเผ็ดร้อนกันสักหน่อย ใครชอบกินผัดพริกขิงคงต้องลองทำ หมูผัดพริกขิงจานนี้เลยจาก คุณน้องซาแมนต้า สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม หน้าตาชวนรับประทาน รสเผ็ดร้อนจากขิง และพริกสด นำมาผัดรวมกันแล้วหอมทีเดียว กินกับข้าวสวยร้อน ๆ ฟินเว่อร์





สิ่งที่ต้องเตรียม

  1.           เนื้อหมู หั่นเป็นชิ้น ๆ พอดีคำ
  2.           พริกขี้หนูสด ผ่าครึ่ง
  3.           หอมใหญ่ หั่นบาง
  4.           ขิง หั่นเป็นชิ้นยาวเล็ก ๆ
  5.           เครื่องปรุง มีน้ำตาลทราย น้ำปลา น้ำมันหอย ซีอิ๊วขาว ซีอิ๊วดำ และผงปรุงรสนิดหน่อย
  6.           น้ำมันพืช สำหรับผัด
  7.           กระเทียมทุบและสับหยาบ สำหรับเจียวให้หอม


วิธีทำ

         1. ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันพืชลงไป พอกระทะร้อน ใส่กระเทียมลงไปเจียวให้หอม

         2. ใส่เนื้อหมูที่เตรียมไว้ลงไปผัดให้เข้ากันจนกระทั่งเนื้อหมูสุก

         3. ปรุงรสด้วยเครื่องปรุงต่าง ๆ และผัดให้เข้ากัน

         4. ใส่ขิง หอมหัวใหญ่ และพริกสด ตามลงไปผัดให้เข้ากันเพียง 1 นาที ตักใส่จานเสิร์ฟหมูผัดขิงกับข้าวสวยร้อน ๆ

         เทคนิค : สาเหตุ ที่ใส่ขิง หอมหัวใหญ่ และพริกสดทีหลังและใช้เวลาผัดแค่ 1 นาทีนั้นเพื่อไม่ให้ขิง หอมใหญ่และพริกสดสุกเกินไปหมูผัดขิงที่ได้ก็จะดูดีและรสชาติอร่อยค่ะ

Friday, May 1, 2015

วิธีทำกุยช่ายผัดตับ อาหารตรุษจีน




กุยช่ายผัดตับ อาหารตรุษจีน เรียกความร่ำรวย


           กุยช่ายผัดตับ ถือเป็นอีกหนึ่งเมนูอาหารตรุษจีนที่คนไทยเชื้อสายจีนหลาย ๆ บ้านนิยมทำขึ้นเพื่อใช้ไหว้บรรพบุรุษในช่วงตรุษจีน โดยคนจีนนั้นมีความเชื่อว่า กุยช่ายผัดตับ หมายถึง การมียศฐาบรรดาศักดิ์ดั่งขุนนาง ฐานะที่ร่ำรวย นั่นเอง และในช่วงเทศกาลตรุษจีนที่จะถึงนี้ ใครอยากได้สูตรและวิธีทำทำกุยช่ายผัดตับไปทำ ก็ลองไปดูวิธีทำกันค่ะ


สิ่งที่ต้องเตรียม


  1.            กระเทียมสับหยาบ 1 ช้อนโต๊ะ
  2.            ตับหมู หั่นเป็นชิ้นบาง ๆ 200 กรัม
  3.            ดอกกุยช่ายสด หั่นเป็นท่อนสั้น 300 กรัม
  4.            ซอสเห็ดหอม 1 ช้อนโต๊ะ
  5.            ซีอิ๊วขาว สำหรับปรุงรส
  6.            น้ำตาลทราย สำหรับปรุงรส
  7.            น้ำมันพืช สำหรับผัด


วิธีทำ


           1. ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะ นำขึ้นตั้งไฟปานกลางพอร้อน ใส่กระเทียมลงผัดเจียวจนหอม

           2. ใส่ตับหมูลงผัดจนเริ่มสุก ใส่ดอกกุยช่าย ปรุงรสด้วยน้ำมันหอย ซีอิ๊วขาว และน้ำตาลทราย ผัดให้เข้ากันสักครู่ ชิมรสตามชอบ ตักใส่จาน พร้อมรับประทาน

           ถ้าใครได้ทำเมนูกุยช่ายผัดตับเพื่อไหว้บรรพบุรุษกันแล้วก็ขอให้ร่ำรวย ๆ นะคะ

Thursday, April 30, 2015

วิธีทำปลาทูต้มหวาน อาหารไทยพื้นบ้านหอมหวานอร่อย

ปลาทูต้มหวาน อาหารไทยพื้นบ้านหอมหวานอร่อย
ขอขอขคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ isolateboy สมาชิดกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม

          ไม่นานมานี้เราได้เสนอเมนูอร่อย ๆ จากปลาทู ที่ไม่ใช่แค่ทอดกินกับน้ำพริก อย่างเมนูต้มส้มปลาทู อาหารไทยพื้นบ้านรสเปรี้ยวเค็มหวาน อร่อยกลมกล่อมมาฝาก แล้วในเมื่อมีต้มส้มก็ต้องมาคู่กับต้มหวาน เราจึงขอหยิบยกสูตรปลาทูต้มหวานน่ากิน ๆ จาก คุณ isolateboy สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม  ที่ทำง่าย ๆ แถมออกมาดูน่ากินมากเลยทีเดียว

          คุณ isolateboy สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม บอก ว่า ปลาทูต้มหวานทำง่าย เก็บไว้กินได้นาน เพราะว่ายิ่งอุ่น ยิ่งเคี่ยว ยิ่งนานก็ยิ่งอร่อย เพราะน้ำจะซึมเข้าตัวปลา ก้างปลาจะนิ่ม กินง่าย แค่มีข้าวสวยร้อน ๆ ก็พร้อมกินแล้ว ส่วนวิธีทำก็ไม่ยากอะไรเลย เป็นแค่การต้มไม่ซับซ้อน และหลายขั้นตอน เหมาะสำหรับแม่บ้านยุคใหม่ ไม่ต้องมาคอยเฝ้า พลิกกลับอาหาร หรือต้องคอยคนบ่อย ๆ วัตถุดิบก็ไม่มีอะไรเยอะ ดัดแปลงมา รสชาติใช้ได้ รวม ๆ คล้ายปลาทูต้มอ้อย ปลาทูต้มส้ม แต่นี่เราใส่น้ำตาลปี๊บเยอะหน่อยเลยกลายเป็นปลาทูต้มหวานนั่นเอง รู้อย่างนี้แล้วก็ลงมือทำกันเลยดีกว่าค่ะ

สิ่งที่ต้องเตรียม

  1.           ปลาทูสด 1 กิโลกรัม
  2.           น้ำตาลปี๊บ 2 ขีด
  3.           พริกไทยเม็ด 50 กรัม
  4.           ขิงสด 1 ขีด (หรือ 1 เหง้าก็พอ แต่ถ้าชอบก็เพิ่มได้)
  5.           หอมแดง 1 ขีด
  6.           เกลือป่น หยิบมือ
  7.           มะขามเปียก ประมาณ 1 ขีด (หรือน้อยกว่านั้น)
  8.           ตะไคร้ 2 หัว  (ไม่มีไม่ได้ใส่ )

วิธีทำ



          เครื่องปรุงเอาเท่าที่มี ตามภาพ




          ทุบขิงพอหยาบ พริกไทยบุบพอแตก หอมแดงผ่าซีกหรือใส่ทั้งหัวก็ได้ หากมีตะไคร้ก็ทุบ ๆ แล้วหั่นยาวหน่อย รองไว้ก้นหม้อ ถ้าไม่มีเลยไม่ใส่ก็ได้



          นำปลาทูที่ควักไส้และล้างสะอาดแล้วใส่ลงไป (เรียงไม่สวย ปลาแช่แข็งตัวเล็กไปหน่อยรอบนี้ แถมไม่สด ทำให้ต้มแล้วท้องปลาเละ)

 

          คั้นน้ำมะขามเปียก กะปริมาณน้ำให้ท่วมตัวปลา เทตามลงไป (ที่ใส่น้ำมะขามเปียก คือตัดรสหวาน จะได้ไม่หวานเลี่ยน รสชาติจะอร่อยมีรสอมเปรี้ยวนิด)





          ยกขึ้นตั้งไฟ รอให้เดือด แล้วหรี่ไฟให้อ่อนสุด แค่ให้น้ำเดือดปุด ๆ พอ ไม่ต้องให้เดือดพล่าน ไม่ต้องปิดฝาหม้อ ไม่ต้องคน รอจนน้ำงวด 



          ใช้เวลาในการเคี่ยวนานหน่อย น้ำและส่วนผสมต่าง ๆ จะซึมเข้าตัวปลาเรื่อย ๆ ลองชิมดูว่า หวานพอใจเราหรือยัง (เติมได้) เค็มหรือจืดไปไหม (เติมได้) ปรุงได้ ไม่ต้องตามสูตรเป๊ะ รสที่ได้จะ หวาน ๆ อมเปรี้ยวนิด ๆ เผ็ดลิ้นแบบกลมกล่อมด้วยขิงและพริกไทย 

          แค่นี้ก็ได้ปลาทูต้มหวานที่อร่อย ๆ แล้ว ยิ่งอุ่นบ่อยยิ่งเข้าเนื้อยิ่งอร่อย